มันไม่มีหลายวันนักที่ผมจะว่างจากงาน วันว่างของผมส่วนมากก็จะให้ความสำคัญกับการลงไปพูดคุยกับชาวบ้านทั้งมีสาระและไร้สาระ ไร้สาระในที่นี้ก็คือ ลงไปพูดคุย กินเหล้า หาปลา นั่งตกปลา นี่แหละเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบเพราะการลงไปอย่างที่ว่ามันทำให้ผมคุ้นเคย สนิทสนมกับชาวบ้าน และสามารถที่จะคุยกับชาวบ้านได้ทุกเรื่อง และชาวบ้านก็พูดกับผมได้ทุกเรื่องเหมือนกัน
อากาศที่ย้ำแดดร้อนตอนเช้า ผมพายานพาหนะคู่กายลงพื้นที่ มุ่งหน้าสู่บ้านกระเพอสกวม เป็นภาษาท้องถิ่นสุรินทร์ แปลเป็นภาษาไทยว่า จระเข้ผอม แต่ภาษาท้องถิ่นจริงๆคือ กะเปอสกวม ขึ้นกับตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
จุดนัดพบกับเพื่อนๆ พ่อๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ฝายกำปวงเยียง ซึ่งเป็นวัตถุที่กั้นห้วยเสนงบริเวณตอนปลาย “เป็นฝายที่รัฐบาลสร้างเพื่อมอบให้ราษฎร ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ งบประมาณดำเนินการ ปี 2544 เพื่อใช้ประโยชน์และดูแลรักษาร่วมกัน กรมชลประทาน ” นี่คือคำที่ติดบนป้ายปูนหน้าฝาย ฝายกำปวงเยียงจะมีทั้งผลดีผลเสียกับชุมชน แต่บางครั้งฝายกำปวงเยียงก็เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ของคนแถวนั้น
ผมไปถึงฝายกำปวงเยียงเป็นรถคันที่สอง บรรยากาศโดยรอบ มีต้นไม้สองสามต้นที่สามารถจะเป็นร่วมเงาให้คนพักพิง ผมอาศัยต้นไม้ที่ใหญ่กว่าเพื่อนนั่งเพื่อทอดสายตาสำรวจไปทั่ว อายแดดพัดเข้าสู่ลู่ของใบหน้าผมร้อนจนต้องเดินหนีเข้าไปหลบใต้โคนต้นไม้ น้ำห้วยเสนงที่ไหลผ่านฝายยังไหลเอื่อยทำหน้าที่ของมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ฝายปูน ขนาด 10 เมตร ยังยืนตระหง่านขวางลำน้ำห้วยเสนงอยู่เหมือนเดิม
ไม่นานหน่วยเสบียงก็ขับรถไล่กันมา ฝุ่นดินฟุ้งกระจายเหมือนแก๊สน้ำตาเมื่อวันที่ 7 ตุลาที่ผ่านมา พอรถจอดลง ในรถหลายคันนั้นมีทั้ง มอง แห และอุปกรณ์ใส่ปลา แต่ที่ขาดไม่ได้ เบียร์อาชา 2 ลัง กับน้ำแข็ง ที่ต้องต่อสู้กับแดดที่ร้อน นี่อาจจะเป็นวันสบายๆผมจริงๆละมั่ง…………..
ผู้เขียน : คุณเชษฐา สง่าพันธ์ วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑