ผู้ใหญ่ชุมพร เรืองศิริ เป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านแสงตะวัน ต.คอโค อ.เมือง จ.สุรินทร์ และเป็นประธานเครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำห้วยเสนง จังหวัดสุรินทร์ และเป็นคนคอยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่มาทำงาน
ผู้ใหญ่ชุมพร เคยจัดการที่ดินสาธารณะริมห้วยให้เป็นการจัดการที่ดินโดยชุมชนมาแล้ว แต่ตอนนี้ปัญหาส่วนใหญ่มันอยู่กับน้ำ วันนี้จึงชวนผู้ใหญ่ชุมพร คุยเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับลำห้วยเสนง
“ผมเป็นเครือข่ายลุ่มน้ำห้วยเสนงตอนล่างคือใต้เขื่อน ปัญหาลึกๆคือเราได้ลงสำรวจลุ่มน้ำห้วยเสนง คือเราเห็นปัญหาน้ำเสีย เพราะว่าห้วยเสนงตอนล่างหลังจากอ่างเก็บน้ำเป็นแหล่งที่จะปล่อยทิ้งอย่างเดียว เวลาอ่างเก็บน้ำมีปริมาณมาก คือรับน้ำจากอ่างอำปึลมาแล้วก็ปล่อยทิ้งเมื่อมีปริมาณมาก หลักการปล่อยน้ำในสมัยอดีตจะปล่อยครั้งเดียวที่ละมากๆจะไม่คำนวณระดับน้ำฝนว่ามีเท่าไหร่ ประมาณสามปีที่ผ่านมาจะมีการแจ้งก่อน ว่าจะปล่อยตอนไหน ผลก็คือมีแต่การแจ้งแต่เราเองก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ วิธีการปล่อยน้ำปัจจุบันจะปล่อยเป็นช่วงๆ ช่วงหนึ่งก็ประมาณ ๑๕ วันแล้วก็ปิดแล้วก็ปล่อยอีก คือการปล่อยอย่างนี้ก็มีผลกับตะลิ่ง และปัญหาจากสิ่งปฏิกูลจากการขยายตัวของเมืองโดยมีกิจการต่างๆ ตัวอย่างโรงแรมในลุ่มน้ำห้วยเสนงตอนปลายก็จะมี DD รีสอร์ท เป็นโรงแรมม่านรูด อยู่ในหมู่ที่ ๘ บ้านดงมัน ตำบลคอโค แล้วไล่ไปถนน ๒๒๖ คืออยู่ใกล้เมือง ออกจากตัวเมืองไป ๓ กิโล ก็จะพบโรงแรมอีกโรงแรมหนึ่งคือโรงแรม สวนปาล์ม โรงแรมสวนปาล์มจะมีผลกระทบมากคือมีแขกเยอะ ไม่มีการทำบ่อบำบัด ห้วยเสนงรองรับน้ำเสียจากการปล่อยน้ำทิ้งของสวนปาล์มและปัจจุบันก็มีร้านอาหารเพิ่มขึ้นมาก ร้านอาหารก็จะมีกากไขมัน จากการสำรวจก็จะเห็นท่อน้ำไหลลงจากสามแยกเรือนจำ ปัจจุบันก็จะอาศัยธรรมชาติบำบัดก็คือจะมีสระน้ำเล็กๆกั้นเอาไว้ ทำให้น้ำตกตะกอนไปในตัว น้ำค่อยไหลลงไป แต่ที่หนักของโรงแรมคือไขมัน และอยู่ใกล้ห้วยเสนงด้วย และก็มี ตชด.๒๑ ปล่อยน้ำเสียลง ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมก็จะมีสารเคมีลง และการผลิตน้ำประปาให้เมืองใช้จะมีการล้างถัง ก็จะมีการใช้คลอรีน คลอรีนที่ล้างก็ทิ้งลงห้วยเสนงแถวๆราชภัฏ กรณีอุตสาหกรรมฟาร์มหมูมาปีนี้ขยายเท่าตัวจากปีที่แล้ว ซึ่งตรงนี้เราก็เจอปัญหาการปล่อยน้ำเสีย เราก็เห็นบทเรียน ปัจจุบันไม่มีการใช้บ่อบำบัด ไม่มีรีไซเคิลนำมูลสัตว์มาทำเป็นแก็สอย่างหลายที่ทำ และก็มีการขยายโรงเพิ่ม และที่หนักคือหน้าแล้งน้ำจะลด อ่างเก็บน้ำก็จะเก็บกักน้ำไว้ตลอดไม่ได้ปล่อย จะปล่อยตามคลองไส่ไก่และน้ำที่ปล่อยไปมีบางที่น้ำไหลทิ้งเปล่า และอีกปัญหาหนึ่งหลังจากที่เราลงพื้นที่พูดคุยกับพี่น้องบ้านตาเตียวและบ้านกระเพอสะกวม ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่เราหนักใจมากที่สุด และเป็นสิ่งที่เราตั้งคำถามกัน คือมีโครงการที่ทำจากในเมือง คือการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วมเมืองสุรินทร์ และที่เราเห็นในปัจจุบันคือเรียบทางรถไฟจะมีการขุดท่อลอด ตามทางข้ามต่างๆ และเราเองก็เคยพูดคุยกับพี่น้องที่อยู่ในที่ของทางรถไฟบอกว่าเป็นโครงการของการรถไฟ จะไปลงที่สะพานดำข้างหลังโรงต้มเก่า ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่วิตกกังวลกัน อาจจะต่อเนื่องถึงถ้าน้ำเสียลงมาจะมีปลากินกันไหม ความอุดมสมบูรณ์จะหายไปไหม”
สิ่งที่ระบายออกมาจากความรู้สึกของผู้ที่ได้รับผลกระทบ พอจะบอกอะไรได้เป็นอย่างดี ถ้ายังคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ สักวันหนึ่งผลกระทบคงเกิดขึ้นมากทวีคูณ จนชาวบ้านอาจลุกขึ้นมากำหนดอนาคตในการจัดการน้ำด้วยตนเอง
ผู้เขียน : คุณเชษฐา สง่าพันธ์ วันอังคารที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑